วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

''จา-พนม''เปิดอกรักเสี่ยเหมือนเดิมไม่ขอพูดถึงสัญญา



คนใกล้ชิดเชื่อไม่ปกติ ''จา-พนม'' หักดิบทิ้ง ''เสี่ยเจียง'' เผยพระเอกนักบู๊ไม่ส่งเสียทางบ้านมากว่าครึ่งปีแล้ว ล่าสุด หนังออกมาคนละม้วน แฉจดหมายจาบอกเลิกไม่ต่อสัญญาสหมงคลฟิล์มฯ ครอบครัวที่สุรินทร์ เผย ทางบริษัทเคยส่ง เอกสารประสงค์จะต่อสัญญาอีก 10 ปี แต่ตามหาเจ้าตัวไม่เจอเลยไม่ได้เซ็นกลับไป 

จากกรณีของพระเอกนักบู๊ ''จา'' พนม ยีรัมย์ หรือ ''โทนี่ จา'' ตัดขาดเยื่อใยกับเจ้านายใหญ่ ''เสี่ยเจียง'' สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ด้วยการยื่นโนติสมายังต้นสังกัดว่า ตนไม่มีความเกี่ยวข้องหรือสัญญา
การแสดงใดๆ กับทางบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ อีกต่อไป ทั้งที่ก่อนหน้านั้น บอสใหญ่ค่ายใบโพธิ์เพิ่งจะแถลงข่าวแสดงความยินดีที่จาโกอินเตอร์ ได้ไปร่วมแสดงภาพยนตร์แอ็กชั่นฟอร์มยักษ์ Fast & Furious 7 แม้ว่าจะไม่ได้มีการแจ้งกับบริษัท
ล่วงหน้ามาก่อนก็ตาม งานนี้ทำเอาผู้อำนวยการสร้างหนังรุ่นใหญ่ถึงกับฉุนขาด ประกาศขู่ฟ้องหากพระเอกนักบู๊อดีตลูกรักจะยังดันทุรังเล่นหนังฮอลลีวู้ด หรือหนังเรื่องอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากต้นสังกัดก่อน 

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวสยามดาราได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยทางบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในการเคลียร์ปัญหากับ ''จา-พนม'' ทั้งนี้ ทางต้นสังกัดเองก็ยังไม่สามารถติดต่อหาตัวพระเอกนัก
บู๊ได้ แม้ว่าจะต้องการให้เจ้าตัวเข้ามาเจรจาไขข้อข้องใจกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ตาม 

เช่นเดียวกับทางบ้านเกิดของ ''จา-พนม'' โดย ''โจ้'' ธรัช ศุภโชคไพศาล ผู้บริหารบริษัท ไอยราฟิล์ม จำกัด ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยของจา ก็ยอมรับว่าทั้งพ่อแม่รวมถึงคนในครอบครัวที่สุรินทร์ไม่มีใครสามารถติดต่อบุตรชายคนนี้ได้ตั้งแต่
เดือนมกราคมที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดข่าวคราวพ่อจาบุกกองถ่ายตามให้ลูกชายกลับบ้าน นอกจากนี้ จายังไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเจ้าตัวรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจาไม่ใช่
คนดูแลเงินแต่จะมีคนใกล้ชิดดูแลให้อีกที 

''คือตั้งแต่คุณพ่อเขาไปเจอจาที่กองถ่ายแล้วคุยกันแค่ 3 นาที ตั้งแต่ตอนที่เป็นข่าวช่วงเดือนมกราคมจาเขาก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเลย แม้ว่าทางบ้านจะพยายามติดต่อไปหลายครั้ง รวมถึงที่บ้านภรรยาเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ส่วน
เรื่องเงินส่งเสียเลี้ยงดูเขาก็ไม่ได้ส่งให้ที่บ้านตั้งแต่มีปัญหามาแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจาเขาทราบหรือเปล่า เพราะว่าคนที่ดูแลเงินไม่ใช่จา แต่จะมีอีกคนที่ควบคุมดูแลตรงนี้อยู่ แต่เรื่องเงินนี้ไม่ใช่ปัญหา ยังได้พี่น้องคนอื่นๆ ช่วยดูแลพ่อแม่ในเรื่องนี้
ซึ่งเรื่องเงินทองทางบ้านเขาไม่มีความเดือดร้อนในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คงเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า คุณพ่อก็ยังป่วยทรุดลงตลอด กับเรื่องปัญหาของจากับทางสหมงคลฟิล์มฯ เขาก็คงทราบแล้ว ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีใครสบายใจหรอกครับ ก็
อยากให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ถูกต้อง'' น้องเขยจากล่าว 

''โจ้-ธรัช'' ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีของ ''จา-พนม'' ที่มีปัญหากับทางสหมงคลฟิล์มฯ ว่า ''เรื่องนี้มันแปลกๆ ไม่ธรรมดาตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนหน้านี้จาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ถ้าปกติเขาก็ต้องมาหาพ่อแม่บ้าง ตอนนั้นเราก็อยากมอง
ในแง่ดีแต่มันก็ยิ่งหนักขึ้นทุกวัน มันผิดปกติถึงขั้นที่พ่อต้องไปแจ้งความคงไม่ธรรมดาแล้ว และมันก็ไม่น่ามีปัญหากันขนาดนี้ที่บานปลายไปจนถึงขั้นมีปัญหากับบริษัท เพราะผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสในการทำงานมาโดยตลอด อย่างก่อนหน้านี้ทาง
ครอบครัวก็โดนกระแสโจมตีเรื่องเงินว่าอยากได้เงินทองของจา ซึ่งมันไม่จริงเลย พอมันมีอย่างนี้เราก็ไม่อยากพูด จนสุดท้ายมันก็เป็นอย่างนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าทางครอบครัวก็ห่วงภาพลักษณ์ของจาในตอนนี้ที่สังคมคงมองว่ามันไม่ดีไปแล้ว เรา
เองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร ก่อนหน้านี้ทางบ้านก็พยายามกันสุดความสามารถแล้วให้จากลับมาเป็นคนเดิม ผมว่าถ้าจะแก้มันต้องแก้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น แต่ปล่อยมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง การที่จาได้ไปเล่นหนังต่างประเทศทุก
คนก็ยินดี แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวของจาเอง อย่างเรื่องจะแต่งงาน จะรักกับใคร ทางบ้านก็ไม่เคยห้าม คุณพ่อไม่เคยว่าอะไรเลย แต่ขอเพียงแค่ว่าให้ทุกอย่างมันถูกต้องแค่นั้นเอง'' 

แต่ล่าสุดกระแสข่าวที่ออกมาจากทางฝั่งของ ''จา-พนม'' กลับออกมาเป็นหนังคนละม้วน โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีการเปิดเผยจดหมายจากการยื่นหนังสือยกเลิกสัญญาของพระเอกนักบู๊ที่มีต่อสหมงคลฟิล์มฯ, พันนา ฤทธิไกร และ
ปรัชญา ปิ่นแก้ว ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 โดยมีใจความว่า
 
''โดยที่ขณะนี้ข้าพเจ้ายังมิได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าบริษัทได้ดำเนินการใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างโดยถูกต้องครบถ้วนตลอดอายุสัญญาจ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะดำเนินการทาง
กฎหมายไว้ หากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของทางบริษัท'' ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าวได้มีการลงลายเซ็นของ ''จา-พนม'' ไว้อย่างชัดเจน 

ขณะเดียวกัน ก็มีการเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการส่งจดหมายมาที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเรื่องสัญญาของจากับทางสหมงคลฟิล์มฯ ที่หมดลงในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 รวมถึงความประสงค์ของทางบริษัทที่ต้อง
การจะต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี โดยทางครอบครัวได้ทำการเซ็นรับเอกสารฉบับดังกล่าวไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบว่าเป็นเรื่องของสัญญาทางบ้านก็พยายามติดต่อจาให้กลับมาตัดสินใจต่อสัญญาฉบับดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
ขณะที่คนในครอบครัวก็ไม่ได้มีการเซ็นหรือส่งสัญญาฉบับนั้นกลับไป จนกระทั่งมาเกิดข่าวคราวของจากับสหมงคลฟิล์มฯ จึงสร้างความไม่สบายใจให้กับคนในบ้านเป็นอย่างมาก 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความเคลื่อนไหวของ ''จา-พนม'' เจ้าตัวได้เปิดใจกับทางข่าวบันเทิง ช่อง 3 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า จะยังคงทำงานกับทางสหมงคลฟิล์มฯ ตามปกติ และยังรักนับถือ ''เสี่ยเจียง'' เหมือนเดิม แต่สำหรับ
เรื่องสัญญานั้นตนไม่ขอพูดถึง
ขอบคุณเนื้อหาข่าวและรูปภาพจาก  http://www.siamdara.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น